สำหรับชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ปะทะ เหตุการณ์ดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปเมื่อช่องทางส่งน้ำและก๊าซถูกตัดขาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แม้จะมีความพยายามซ่อมสร้างและเชื่อมต่อระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายครั้ง แต่การสู้รบอันยาวนานทำให้ชาวเมืองที่อยู่สองฝั่งของเส้นกั้นพรมแดนต้องเผชิญความคลาดแคลนซ้ำแล้วซ้ำอีก ยกตัวอย่างเช่นการซ่อมท่อก๊าซความยาว 3 กิโลเมตรโดย ICRC ที่เมือง Marinka แม้ว่าท่อจะถูกซ่อมจนสำเร็จ แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้เพราะสถานีส่งก๊าซอยู่ในพื้นที่สงคราม ปัจจุบันชาวบ้านในเมือง Marinka และ Krasnohorivka กว่า 15,000 ต้องอยู่โดยไม่มีก๊าซสำหรับหุงต้มอาหารและสร้างความอบอุ่นมาตั้งแต่ปี 2014 อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสามเมืองหลักของพื้นที่ขัดแย้งอย่าง Marinka, Krasnohorivka และ Lebedynske ต้องประสบ คือความเสียหายของอาคารที่ยากจะซ่อมแซม ทุกวันนี้ชาวเมืองส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอาคารที่ถูกทำลายจากระเบิด สิ่งที่ ICRC พอจะทำได้ในช่วงเวลาแบบนี้ คือการเปลี่ยนกระจกหน้าต่างที่แตกแทนที่ด้วยหน้าต่างแบบ PVC เพื่อป้องกันตัวบ้านจากลมหนาวที่กำลังพัดเข้ามา และเริ่มแจกจ่าย ขนสัตว์, ผ้าใบกันน้ำ, โฟม, แผ่นและเทป และวัสดุเท่าที่หาได้เพื่อใช้ในการซ่อมหลังคา เพื่อบรรเทาความหนาว ICRC เริ่มทำการแจกจ่ายถ่านไม้และถ่านหินให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงอาหารสำหรับสัตว์ในฟาร์ม เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคนและสัตว์จะมีเชื้อเพลิงและอาหารเพียงพอ ชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถทำงานได้จะได้รับเงินช่วยเหลือ ส่วนสถานที่ส่วนกลางและโรงพยาบาลก็เริ่มได้รับแจกเครื่องทำความร้อนก่อนใครตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปัจจุบัน เมือง Stanitsa Luhanska เป็นจุดเชื่อมเดียวที่ชาวเมืองในเขต Luhansk จะสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างพื้นที่ที่ถูกควบคุมโดยรัฐและฝั่งที่ยังอยู่ระหว่างความไม่สงบ ตัวเลขล่าสุดในเดือนตุลา พบว่ามีชาวเมืองกว่า 8,000 คน เดินทางมารอข้ามจุดตรวจทุกวัน ในบางครั้ง การรอคอยอาจยาวนานไปหลายชั่วโมง เพื่อบรรเทาความหนาว ICRC จึงตัดสินใจสร้างจุดพักพร้อมเครื่องทำความร้อนไว้ในทั้งสองฝั่ง ในระหว่างที่ความช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความอุ่นใจให้ผู้ประสบภัยในยูเครนได้บ้าง ไม่มากก็น้อย