วิกฤตการณ์ในตะวันออกกลาง แอฟริกา และยูเครน เป็นหนึ่งในหัวข้อการสนทนาระหว่างการเยือนครั้งนี้ โดยนายเมาเรอร์ได้กล่าวขอบคุณสหภาพยุโรป สำหรับความช่วยเหลืออย่างแข็งขันด้านการเงินต่อไอซีอาร์ซี และ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ที่เสียหายมากที่สุดอย่างเยเมน ซีเรีย ไนจีเรียตอนเหนือ และยูเครนตะวันออกนั้น มักจะพบแต่เจ้าหน้าที่ไอซีอาร์ซีทำงานภาคสนามอยู่เพียงลำพัง การสนับสนุนจากอียูจึงมีความจำเป็นมาก ต่อผู้ตกเป็นเหยื่อจากความขัดแย้งจำนวนนับไม่ถ้วน

“เราเชื่อมั่นในการสนับสนุนอันสำคัญยิ่งที่อียูมีให้แก่ไอซีอาร์ซีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เราและเหล่าองค์กรกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทุกที่ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนได้ทันท่วงที” นายเมาเรอร์กล่าว และเสริมว่าเขาหวังว่า ผู้นำชาติอียูจะหันมาใส่ใจผลพวงด้านมนุษยธรรมที่เกิดจากความขัดแย้งอันเป็นต้นเหตุของการโยกย้ายถิ่นฐาน “

ถ้าไม่มีการยกระดับการให้ความช่วยเหลือตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ความหวังในอันที่จะฟื้นฟูสังคมหลังสงครามก็ดูจะมืดมน”

ผู้ย้ายถิ่นฐานในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจำต้องเลือกเส้นทางเสี่ยงอันตรายเพราะความขัดแย้งในประเทศ ความรุนแรง หรือเหตุผลอื่น เป็นเพียงเสี้ยวส่วนเล็กๆของจำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานทั่วโลกเท่านั้น

เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งผลักดันผู้คนให้ต้องพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่ ในทางภูมิศาสตร์แล้วชุมชนข้างเคียงและประเทศเพื่อนบ้าน เป็นฝ่ายที่จะต้องรับภาระความท้าทายด้านการจัดการพื้นที่พรมแดนอย่างหนักหน่วง

ในกรณีของไนจีเรีย ซึ่งนายเมาเรอร์เพิ่งเดินทางไปเยือนนั้น ประชาชนมากกว่าหนึ่งล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ในขณะที่อีกหลายแสนคนได้ลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ชาด แคเมอรูน และไนเจอร์ ทั้งนี้ ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมของไอซีอาร์ซีในพื้นที่ทะเลสาบชาดปัจจุบัน นับว่ามากที่สุดเป็นลำดับที่สามในโลก รองจากซีเรียและซูดานใต้