โรงพยาบาลได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษจากกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพราะเป็นสถานที่สำหรับรักษาผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บ ทุกฝ่ายในความขัดแย้งไม่สามารถโจมตีโรงพยาบาล หรือเข้าขัดขวางไม่ให้โรงพยาบาลทำหน้าที่ทางการแพทย์ อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลอาจสูญเสียสถานะการคุ้มครองได้เช่นกันหากถูกนำไปใช้นอกเหนือเป้าหมายทางมนุษยธรรม ยกตัวอย่างเช่น ใช้เป็นที่ซ่อนของพลรบ หรือใช้เป็นที่สำหรับกักเก็บอาวุธ
.
โรงพยาบาลอาจสูญเสียความคุ้มครองหากพบว่าถูกใช้งานในทางการรบ ทุกฝ่ายต้องตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลถูกใช้ในเป้าหมายดังกล่าวจริง อ้างอิงจากการประเมินข้อมูลบนพื้นฐานข้อเท็จจริงอย่างสมเหตุสมผล และหากแน่ใจแล้วว่าเป็นเช่นนั้น ก็ต้องมีการประกาศเตือนเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดใช้โรงพยาบาลในทางที่ไม่ถูกต้อง หากการเตือนไม่เป็นผล คู่ขัดแย้งต้องให้เวลาสำหรับโรงพยาบาลในการขนย้ายผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ออกจากพื้นที่
.
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าโรงพยาบาลสามารถถูกโจมตีได้ในทันที เพราะภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การโจมตีต้องตั้งอยู่บนหลักความได้สัดส่วนและความระมัดระวัง ผู้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งต้องทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้เพื่อปกป้องผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วย ซึ่งในบางครั้งไม่สามารถอพยพออกจากโรงพยาบาลได้
.
ภายใต้หลักความได้สัดส่วน ผู้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า การบาดเจ็บล้มตาย และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ต้องไม่มากเกินไปกว่าความได้เปรียบทางการทหารอย่างเป็นรูปธรรม เพราะเมื่อเราพูดถึงโรงพยาบาลในพื้นที่ปะทะ ความเสียหายมักมีผลในระยะยาว เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บมีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ