‘ดื่มสิ’ หญิงชาวซีเรียยื่นแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยดินโคลนให้ฉันในวันอากาศร้อนกลางเดือนสิงหา ฉันมองแก้วที่ว่าอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยฝุ่นสีดำยากจะทำใจดื่ม ‘คุณจะดื่มน้ำแบบนี้ไหม คุณจะยอมนอนในเต็นท์กลางทะเลทรายหรือเปล่า’ หญิงตรงหน้ากล่าว ‘ฉันเคยมีบ้าน มีชีวิตธรรมดา ไม่ต่างจากคุณ’

ตั้งแต่ปี 2016 -2018 ฉันทำงานเป็นโฆษกให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) หนึ่งในหน้าที่หลัก คือการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนทีได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทั้งใน ดารายา (Daraya) อเลปโป (Aleppo) มาดายา (Madaya) ไปจนถึงทางตะวันออกของโกธา (Ghouta)

นักเล่าเรื่องไม่ใช่งานง่าย หลายครั้งที่ฉันได้พบเห็นหรือรับฟังเรื่องราวหยุดหัวใจ ไม่ใช่ด้วยความสิ้งหวัง แต่เพราะพลังใจและความเข้มแข็งของคนซีเรียที่ทำให้ฉันต้องจับปากกาเพื่อสื่อสารกับคนทั้งโลก

มันไม่ใช่แค่ก้อนอิฐที่ถูกทำลายกลายเป็นเศษผง แต่เป็นชีวิตมากมายที่แหลกสลายไปพร้อมกัน เสื้อผ้าที่ซักและตากไว้นอกหน้าต่าง เครื่องเรือนแตกกระจายตามถนนใหญ่ ไปจนถึงกระดานดำที่บันทึกบทเรียนสุดท้ายก่อนชีวิตของนักเรียนมากมายจะหายลับไปกับตา คุณได้แต่ถามตัวเองว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ยังปลอดภัยดีหรือเปล่า และข่าวคราวของเขา ได้รับการบอกเล่าไปยังครอบครัวและผู้เป็นที่รักหรือไม่

เด็กๆ ผู้ไม่เคยลิ้มรสขนมหวาน

มูฮัมมัด จาก ดารายา เล่าให้เราฟังว่าเขาไม่เคยรู้จักลูกกวาด ของหวานอย่างเดียวที่เขาเคยทาน คือเศษข้าวผสมน้ำตาล ‘มันค่อนข้างขม แต่ผมไม่มีทางเลือก’ ‘เราไม่กล้าฝันถึงบิสกิตด้วยซ้ำ แค่จินตาการถึงกลิ่นยังแทบทำไม่ได้’  อาหารหลายอย่างเป็นเพียงความทรงจำแสนห่างไกล บางคนบอกฉันว่า พวกเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านมหรือไข่รสชาติเป็นอย่างไร เด็กหลายคนเคยกินแต่ข้าว โลกของเขาไม่มีเนื้อไก่หรือผลไม้

ชีวิตที่สองของชาวซีเรีย

ฉันมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมผู้คนมากมายในค่ายลี้ภัย คำถามที่พบมากที่สุดคือ ‘คุณพอจะหางานให้ได้ไหม’

อาโบ โอมาร์ เคยเป็นเจ้าของร้านขนมที่ใหญ่มากในเมืองดูมา หลังเขาและครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านในเดือนมีนาคม 2018 เขาแทบไม่เหลืออะไร ทุกวันนี้อาโบใช้สกิลทำขนมหวานที่มี เพื่อนำวัตถุดิบเล็กน้อย มาประยุกต์เป็นขนมต่างๆ ‘มันไม่ใช่เรื่องเงิน สำหรับผมการทำขนมเป็นเรื่องเล็กๆ ที่สร้างรอยยิ้มให้เด็กทั้งหลายในค่ายลี้ภัย’

ผู้ถูกพรากจากความรัก

ฟาเดียมีสมุดจดที่เต็มไปด้วยคำกลอน ทุกครั้งที่เสียงปืนดัง เธอจะเริ่มเขียนกลอนรักให้ครอบครัว และคู่หมั้น การนึกถึงช่วงเวลาดีๆ เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ฟาเดียสามารถหลบหนีจากความเป็นจริงได้ ฟาทม่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังตอนหลบหนีออกจากเมือง ตอนนี้นกพิราบทั้งสองที่เธอนำติดตัวมาคือตัวแทนเรื่องราวทั้งชีวิตของเธอ ‘พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ฉันตัดใจทิ้งพวกมันไปไม่ได้’ เธอกล่าว

เหล่าผู้คนในซีเรียที่เป็นดังแรงบันดาลใจ

การทำงานในพื้นที่เร่งด่วนไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ทำให้ฉันก้าวต่อไปได้คือแรงใจของผู้คนในพื้นที่ หลายคนติดต่อมาทันทีเมื่อมีการปะทะ ถามว่าฉันปลอดภัยไหม ต้องการอะไรหรือเปล่า ข้อความเหล่านี้เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ยากจะคิดว่ามาจากผู้คนที่พบเจอความยากลำบากไม่ต่างกัน หลายครั้งฉันได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า พวกเขารู้ว่าฉันต้องจากครอบครัวมาและมักสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับประเทศของฉัน หรือกระทั่งเล่าเรื่องตลกจากหนังอียิปต์เรื่องโปรด การทำงานที่นี่ทำให้ฉันเข้าใจว่างานมนุษยธรรมไม่เพียงแต่เป็นฝ่ายให้ แต่ได้รับตอบกลับด้วยเช่นกัน

ภาพจำของซีเรีย

ผู้ลี้ภัย สงคราม และความรุนแรง ข้อความเหล่านี้ถูกประทับบนภาพจำของซีเรียจนแนบสนิท

ฉันเพียงหวังไว้ เมื่อใดเมฆหมอกของสงครามจางไปจากสายตา คำว่า วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความภาคภูมิใจ จะกลายเป็นคำใหม่ที่ฉาบทับกับซีเรียและพาประเทศนี้กลับคืนสู่สันติภาพอีกครั้ง

สองปีในซีเรียสอนอะไรมากมาย ฉันเก็บภาพถ่ายที่บรรจุความทรงจำที่สวยงามของผู้คนในซีเรีย ฉันอยากจำซีเรียไปในแบบนี้ และอยากให้ทุกคนได้เห็นภาพเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

 

 

แปลจาก Two years in Syria: Destruction, suffering and love โดย Ingy Sedky