การสู้รบและความรุนแรงนั้นได้พรากการเข้าถึงแหล่งน้ำไปจากผู้คน สิ่งนี้เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก หน่วยงาน “น้ำและที่อยู่อาศัย” (WATHAB) ของ ICRC กำลังร่วมมือกับชุมชนต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อที่จะจัดหาน้ำให้กับเมืองต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤต
หากจะกล่าวว่าความจริงเป็นเหยื่อรายแรกของสงคราม น้ำนั้นก็นับได้ว่าเป็นเหยื่อรายที่สอง ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ท่อส่งน้ำ และ ปั๊มน้ำในเมืองและตามหมู่บ้านต่าง ๆ ล้วนเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบของการสู้รบ ในกรณีของเมืองใหญ่ หากมีท่อประปาเสียหายเพียงหนึ่งท่อ ก็สามารถทำให้คนกว่า 100,000 คนต้องอยู่อย่างขาดน้ำ และหากท่อส่งน้ำที่ใช้งานได้เพียงหนึ่งเดียวนั้นตั้งอยู่บริเวณแนวหน้าของการรบ นั่นก็จะไม่ต่างอะไรกับการมีท่อน้ำที่ตั้งอยู่บนที่ไกลเกินเอื้อมเช่นดวงจันทร์
การกระหายน้ำนั้นไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาเดียวเมื่อขาดน้ำ การขาดแหล่งน้ำจะทำให้ผู้คนเริ่มดื่มน้ำจากแหล่งใดก็ตามที่มีอยู่ และผลที่ตามมาคือ อหิวตกโรค ท้องร่วงอย่างรุนแรง และการเสียชีวิต
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ICRC เมื่อ 150 ปีก่อน การจัดหาแหล่งน้ำดื่มที่ปลอดภัยนั้น อยู่ในภาระหน้าที่สำคัญลำดับต้น ๆ ของเราสำหรับการให้ความช่วยเหลือทั้งพื้นที่ที่มีการสู้รบ และพื้นที่หลังการสู้รบเสมอ
ในปี ค.ศ. 1983 ซึ่ง ICRC มีอายุได้ 120 ปี เราได้ตัดสินใจที่จะใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษของเราเพื่อมุ่งเน้นสู่ภาระกิจด้านน้ำ ซึ่งเป็นที่รู้จักภายใต้คำศัพท์เฉพาะของ ICRC ว่า “น้ำและที่อยู่อาศัย” หรือ “WATHAB” และหน่วยงานนี้ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ ณ กรุงเจนีวา ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Water and Habitat Unit โดยหน่วยงานนี้จะให้ความช่วยเหลือและแนวทางกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้าน “น้ำและที่อยู่อาศัย” ของ ICRC หลายร้อยคน ซึ่งกำลังทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในนานาประเทศทั่วโลก ภารกิจด้านน้ำนั้นนับเป็นหนึ่งในห้ากิจกรรมหลักของหน่วย WATHAB ซึ่งรวมไปถึง สุขาภิบาล ระบบไฟฟ้า ระบบโครงสร้าง และ สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ สำหรับชุมชน
นับแต่ปี 1983 จวบจนปี 2013 ก็ครบขวบปีที่ 30 แล้ว เช่นนั้นก็น่าจะมีการฉลองวันเกิดครบรอบ 30 กันสักหน่อย โดยในหลายเดือนที่จะถึงนี้ ทาง ICRC ได้จัดเตรียมหนังสั้นมานำเสนอ เพื่อบอกเล่าให้เห็นถึงภารกิจของ ICRC ในการจัดหาน้ำให้กับบรรดาผู้ประสบภัยจากความขัดแย้งและความรุนแรงต่าง ๆ