แต่ไหนแต่ไรมาใครๆ ก็พากันอิจฉาชาวบ้านที่อาศัยริมชายฝั่งทะเลอะซอฟ เพราะนอกจากจะมีความอุสมสมบูรณ์ จับปลาได้มาก หมู่บ้านชายทะเลยังเป็นที่หมายปองจากนักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นหมู่บ้านเบียร์ดากค์ทางตอนใต้ของประเทศยูเครน ที่นี่ ประชากรทั้งหมู่บ้านประกอบอาชีพชาวประมง ช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการออกเรือหาปลา และเมื่อฤดูร้อนมาถึงชาวเมืองจะเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นรายได้เสริม ชีวิตของชาวประมงในเบียร์ดากค์สวยงามเหมือนฝัน กระทั้งสงครามมาถึง…

หมุนเวลามาปัจจุบัน ชายหาดที่เคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าที่มาพร้อมสัญลักษณ์ประหลาดตา มันบอกว่าในทะเลไม่ปลอกภัย เพราะมีทุนระเบิดใต้น้ำกระจายอยู่

ไม่เพียงแค่ในทะเล แต่เหตุการณ์ที่ว่า ได้ทิ้งรอยแผลที่ใหญ่กว่าไว้บนฝั่ง หลายเสียชีวิตต้องสูญสิ้นเพราะการปะทะ ผู้คนมากมายย้ายออกไป เหลือไว้แค่เศษซากความทรงจำและบ้านหลายหลังที่ถูกทำลายจนยากจะซ่อมแทรม

เฟโดร์ เฟโดโรวิช เป็นเจ้าของบ้านหนึ่งในสองหลังที่เสียหายจนเหลือแค่กำแพง ทั้งที่สามารถสร้างบ้านใหม่ได้ทุกเมื่อ แต่บ้านใหม่ก็มีสิทธิ์พังทลายได้ทุกเมื่ออีกเช่นกัน – นี่กลายเป็นเรื่องธรรมดาของหมู่บ้านที่อยู่บนเขตการปะทะ

‘ผมตั้งใจสร้างบ้านหลังนี้ให้ลูกๆ’ เฟโดร์ ถอนหายใจ ‘ก่อนความขัดแย้งจะมาถึงผมสร้างบ้านหลังนี้ด้วยทุกอย่างในชีวิต ทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้จากการหาปลา ผมตั้งใจว่าบ้านหลังนี้จะเป็นที่พักสุดท้าย ผมจะได้เห็นลูกๆ เติบโต และถ้าโชคดี ก็อาจมีโอกาสได้เห็นหลานๆ วิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน มันเป็นเรื่องเศร้าตอนพวกเราต้องทิ้งทุกอย่างไป สิ่งเดียวที่ผมพอจะเหลือให้ลูกๆ มีแค่บ้านหลังเก่าที่พ่อของผมเคยสร้างไว้เท่านั้น’

ตอนนี้ เฟโดร์ อายุ 61 ปี เขาเริ่มชีวิตชาวประมงด้วยการออกเรือครั้งแรกตอนอายุเพียง 10 ขวบ นั่นเท่ากับอายุของลูกชายคนเล็กของเขาในตอนนี้ ‘ลูกชายคนโตของชาวประมง ต้องเป็นเสาหลักของบ้าน’ เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตตอนเฟโดร์อายุ 10 ปี ชาวประมงคนอื่นๆ ในหมู่บ้านฝึกเขาอย่างหนักเพื่อให้เฟโดร์เติบโตมาเป็นชาวประมงที่ดี

เฟโดร์ในตอนนี้เป็นเหมือนพระเอกหนังผจญภัย แข็งแรง มุ่งมั่น และมีสายตาที่เฉียบคม แม้จะมีอัตรายมากกว่าเดิม แต่เฟโดร์ก็ไม่เคยกลัวที่จะออกทะเล

วิตาลี บาริคอฟ ตัวแทนหัวหน้าหมู่บ้าน เล่าให้เราฟังว่านิยามความอันตรายในสายตาชาวประมงนั้นต่างจากคนทั่วไปเพราะ ‘พวกเขาต้องสบตากับความตายในทุกวัน – ในทุกครั้งที่ออกเรือ’ แน่นอนว่าสงครามพาความตายให้ใกล้เข้ามา เพราะนอกจากภัยธรรมชาติ ทุ่นระเบิดใต้น้ำ คือความตายแบบใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่า

ทุกวันนี้มีผู้ใหญ่ 118 คน และ เด็กอีกเพียง 17 คนเท่านั้นที่ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเบียร์ดากค์ ‘ใครที่ย้ายได้ ก็ย้ายไปหมดแล้ว’ วิตาลี กล่าว ราวปี 2016 เป็นต้นมา ทุ่นระเบิดใต้น้ำ คร่าชีวิตชาวประมงในหมู่บ้านไปแล้ว 3 คน แน่นอนว่าการออกทะเลไม่ใช่เรื่องปลอดภัย แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก

ในยุคสหภาพโซเวียตเบียร์ดากค์มีกองเรือประมงยิ่งใหญ่ที่สามารถออกปลาได้ไกลในทะเลอะซอฟ ปลาที่จับได้ ยังมีการส่งออกไปในพื้นที่ต่างๆ แม้ไม่ใช่ตลาดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม แต่ก็มากพอจะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านให้มีชีวิตสุขสบาย

ทุกวันนี้ชาวประมงของเบียร์ดากค์สามารถหาปลาได้เฉพาะในพื้นที่ที่จัดไว้ และไม่สามารถจับปลาได้มากเหมือนแต่ก่อน เพราะทันทีที่ความขัดแย้งเริ่มก่อตัว สารปนเปื้อนและของเสียจากอุตสากรรม ทำให้ปลาในน้ำเริ่มเปลี่ยนเส้นทาง ปลาบางชนิดที่เคยชุกเริ่มหายไป ในขณะที่ปลาส่วนใหญ่ที่ยังเหลือ มักเป็นปลาแองโชวี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ชาวประมงสามารถหาปลาได้ 9 ตันต่อวัน ทุกวันนี้ถ้าจับได้ถึง 4 ตัน ก็ถือเป็นโชคดีมากแล้ว

เมื่อถูกถามว่าชีวิตทุกวันนี้เป็นอย่างไร เฟโดร์ได้แต่นิ่งเงียบ หลังดื่มกาแฟเสร็จ เฟโดร์พาเราไปยังพื่นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ ทันทีที่เขาโปรยข้าวโพดลงบนพื้น บรรดาเป็ด ไก่ รวมไปถึงนกยูงอีกสองตัวของเขาก็ทะยอยกันออกมา นี่เป็นหลักฐานที่บอกว่าช่วงเวลาก่อนสงครามนั้น มีความสุขมากแค่ไหน

เฟโดร์เล่าต่อไปว่า เมื่อปีก่อนเคยมีชาวประมงเจอทุ่นระเบิดติดแหมา โชคดีหนักหนาที่ไม่มีใครเป็นอะไร เขายังเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกแรกที่ได้เห็นบ้านที่เขารัก พังทลายไปกับตา

เรารู้ว่าสิ่งที่เฟโดร์กลัวไม่ใช่ความตาย ชายตรงหน้าเคยสบตากับความตายมาแล้วหลายครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุด คืออนาคตที่รออยู่ตรงหน้า การต่อสู้จะยาวนานไปแค่ไหน เขาจะมีโอกาสได้ออกเรือหาปลาอีกหรือเปล่า และที่สำคัญที่สุด เขาจะมีมรกดอะไรในชีวิตนักตกปลาที่จะสามารถถ่ายทอดให้ลูกชายได้ในอนาคต

แปลจากบทความต้นฉบับ In Berdyanske, war ravages a fisherman’s legacy