หลังจากที่สื่อทั่วโลกได้นำเสนอภาพและเรื่องราวของเด็กชายออมราน ดัคนีช วัย 5 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและฝุ่นจากแรงระเบิด ซึ่งมีสาเหตุมาจากการโจมตีที่เมืองอาเลปโปของซีเรียเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 โดยภาพดังกล่าวถูกถ่ายไว้ขณะที่ออมรานถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนของผลพวงจากสงคราม ความขัดแย้ง และ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นซึ่งคนที่เดือดร้อนที่สุดและได้รับผลกระทบก็ไม่พ้นประชาชนตาดำๆ ที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเพื่อเอาชีวิตรอด ในวันนี้เราอยากจะแบ่งปันแถลงการณ์ของนายปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองอเลปโปของซีเรีย
“ไม่มีใครและสถานที่ไหนที่ปลอดภัย ปืนใหญ่ยังคงยิงถล่มอย่างต่อเนื่องซึ่งบ้านเรือนประชาชน โรงเรียนและโรงพยาบาลล้วนอยู่ในแนววิถีกระสุน ประชาชนตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว เด็กๆได้รับความบอบช้ำทางจิตใจ ความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ สี่ปีมาแล้วที่ประชาชนในเมืองอเลปโปต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามที่โหดร้ายและสถานการณ์ก็มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆสำหรับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือความขัดแย้งที่เลวร้ายที่สุดอีกครั้งหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน”
ประชาชนหลายหมื่นถูกบังคับให้ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของพวกเขาและจำนวนไม่น้อยที่ต้องหลบหนีออกจากที่พักชั่วคราวที่พวกเขาใช้พักพิง
ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของเมืองถูกทำลายจนย่อยยับ น้ำและไฟฟ้าถูกตัดขาดและในบางพื้นที่ก็แทบจะไม่มีทั้งน้ำและไฟฟ้าให้ใช้ ประชาชนต้องเสี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาดถูกสุขอนามัย ซึ่งไอซีอาร์ซีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับแห่งประเทศซีเรียได้เริ่มขนส่งน้ำดื่มเข้าไปในพื้นที่เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตามมาตรการฉุกเฉิน
“สิ่งที่ประชาชนต้องแบกรับจากผลพวงของสงครามในอเลปโปรุนแรงเกินไป เราจึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการโจมตีที่มุ่งทำลายล้างและขาดการไตร่ตรอง ยุติการฆ่าฟัน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเคารพกฎเกณฑ์พื้นฐานของการทำสงครามเพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ นอกเหนือไปจากผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการสู้รบ การขาดแคลนบริการที่จำเป็นเช่น น้ำและไฟฟ้าก่อให้เกิดความเสี่ยงกับประชาชนถึงสองล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานทางการแพทย์” นายเมาเรอร์กล่าวเพิ่มเติม
ไอซีอาร์ซีเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอนุญาติให้องค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงประชาชนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือในพื้นที่ทุกแห่งของเมืองเช่นเดียวกับพื้นที่ห่างไกลที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว การยุติการสู้รบด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือถูกส่งเข้าไปในพื้นที่และมีเวลาพอที่จะซ่อมแซมบริการพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับประชาชน