“ผมมีความยินดีมากที่ได้ใช้โอกาสครบรอบ 40 ปีของกิจกรรมไอซีอาร์ซีในกรุงเทพฯ ในการเข้าร่วมบรรยายครั้งนี้  และยังได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมสำนักงานประจำภูมิภาค ซึ่งรับผิดชอบหน้าที่สำคัญทั้งในประเทศไทย ภาคใต้ และก็ยังมีบทบาทดูแลปัญหาต่าง ๆ ในภูมิภาค  เราทำงานเชิงรุกในพื้นที่ๆมีการสู้รบที่รุนแรงที่สุดหลายแห่งในโลก แต่เราก็ยังมีพันธกิจสำคัญในการทำงานกับกองกำลังติดอาวุธในส่วนของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ  และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญในการหารือกับทางการ  

สำหรับเราเรื่องของผู้อพยพย้ายถิ่น ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ซึ่งการพูดคุยกับผู้ร่วมงานจากหลาย ๆ สำนักงานของเราในภูมิภาคแถบนี้ ทำให้ผมมีความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างความพยายามที่จะทำงานดังกล่าวในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ขณะที่งานของเราก็ได้ส่งผลเชิงบวกต่อความท้าทายในเรื่องของผู้อพยพย้ายถิ่นในเอเชียดีขึ้น

ในเรื่องปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม มันมีความเปลี่ยนแปลงในบริบทที่เราทำงานอยู่ ซึ่งก็ทำให้ผมกังวลมาก และเป็นสิ่งที่ผมติดตามอย่างใกล้ชิดมาตลอดระยะเวลาสามปีมานี้  ผมต้องรับมือกับสถานการณ์ทางตอนเหนือของประเทศมาลี สถานการณ์ในซีเรีย เยเมน ยูเครน พื้นที่ชนบทในอัฟกานิสถาน ตอนใต้ของโซมาเลีย ทางตอนเหนือของมาลี ในภูมิภาคทะเลสาบชาด และในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก  และเราก็เห็นถึงการขับเคลื่อนของการสู้รบภายใน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เริ่มเกิดขึ้นมาภายในช่วงสามปีมานี้  รวมถึงความพยายามอันใหญ่หลวงของไอซีอาร์ซีที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ความจำเป็นที่กำลังเกิดขึ้น

ผมคิดว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ด้วยการคุ้มครองผู้คนผ่านข้อกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติ  เราได้ย้อนคืนสู่แกนหลักของสิ่งที่เป็นความมุ่งหวัง และปรัชญาของไอซีอาร์ซีที่มีขึ้นนับตั้งแต่วันก่อตั้ง  เราเป็นองค์กรที่ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้คนเท่านั้น แต่ยังทำงานด้านกฎหมาย การเคารพกฎหมายและ ในส่วนนี้ เราก็พัฒนากิจกรรมของเราเพื่อรับมือกับตัวละครใหม่ ๆ ที่มีบทบาทขึ้นมา”