ใครจะเป็นผู้ควบคุมโลก?

โลกจะไม่มีผู้นำที่โดดเด่นเพียงคนเดียว แต่การกำกับดูแลกิจการโลกจะถูกแบ่งและต่อรองกันระหว่างหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็น รัฐ บริษัทพหุวัฒนธรรม องค์กรข้ามชาติและภาคประชาสังคม อย่างไรก็ดี การกระจายอำนาจแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ออกเสียง การกีดกันในระดับกลุ่มคนหรือบุคคลจะยังเป็นความท้าทายข้อใหญ่ ที่อาจไม่ได้รับการแก้ไขไปอีก 100 ปี นอกจากนี้ การจัดการด้านธรรมาภิบาลอาจถูกจัดระเบียบตามประเด็นสำคัญ มากกว่าแบ่งแยกกันเป็นเรื่องของรัฐ องค์กร หรือสถาบัน

ประเทศไหนจะมีอำนาจทางเศรฐกิจมากที่สุด?

มาตรวัดทั่วๆ ไป อย่างการใช้ GDP อาจไม่มีความสำคัญอีก หลักเกณฑ์ใหม่ๆ ที่กำหนดอำนาจทางเศรฐกิจจะเกิดขึ้น เช่น มาตรวัดความสำเร็จทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน ความยุติธรรม การใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติและการพัฒาทรัพยากรมนุษย์ ผู้มีอำนาจสูงสุดทางเศรฐกิจอาจไม่ใช่ประเทศหรือเมือง แต่อาจมีศูนย์กลางอำนาจแบบใหม่ที่เราไม่เคยเห็น

บริษัทแบบไหนจะมีความสำคัญมากที่สุด?

บริษัทแบบที่เรายังจินตนาการไปไม่ถึง

อะไรจะเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งใหญ่ในโลก?

ในขณะที่ผมหวังว่าความขัดแย้งจะลดน้อยลง ประเด็นที่อาจเกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องความไม่ยุติธรรม ความมั่นคงทางทรัพยากร หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจสร้างความตึงเครียดระหว่างชุมชน เพื่อบรรเทาความขัดแย้งเหล่านี้ งานด้านมนุษยธรรมอาจต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม

ผู้คนจะประกอบอาชีพแบบไหน?

รูปแบบของการเพิ่มมูลค่าและการสร้างรายได้จะผสมโยงใยในรูปแบบที่เห็นได้ชัดกว่าในปัจจุบัน

เราจะติดต่อสื่อสารกันอย่างไร?

แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น แต่มนุษย์จะเห็นว่ามิตรภาพ ความเมตตา และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่เพื่อนมนุษย์มีความสำคัญยิ่งกว่า และความสัมพันธ์ฉันมนุษย์ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน

มนุษย์จะมีวิธีสร้างความสนุกอย่างไร?

ด้วยการเล่าเรื่องให้กันและกัน แบบที่เราทำกันมาหลายพันปี

พวกเราจะกินอะไร?

หวังว่าจะเป็นอาหารอร่อยที่สุขภาพดี มาจากธรรมชาติและตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน

คนเราจะตายอย่างไร?

ไม่แน่เสมอไป สำหรับคนที่อยู่ในความขัดแย้ง สงครามที่ยืดเยื้อกว่าในปัจจุบันจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น เมื่อก่อนผู้เสียชีวิตจากสงครามมักเป็นทหารในสนามรบ แต่เมื่อสงครามขยายตัวเข้ามาในเขตเมืองทำให้ผลเรือนที่ไม่มีส่วนในการสู้รบต้องเสียชีวิตมากขึ้น ผมกังวลว่าเราจะได้เห็นการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์เพิ่มจำนวนขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า

พวกเราจะเจอความรักได้อย่างไร?

โดยใช้หัวใจที่เปิดกว้าง

เรื่องแบบไหนที่พวกเราอยากจะเล่า?

เรื่องราวของความทุกข์ ความเสียสละและความเมตตา ผู้คนจะยังแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ในฐานะมนุษย์ และยังซึ้งใจไปกับโศกนาฏกรรม ความหวัง เสียงหัวเราะ และความเศร้า

เมืองของเราจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

เมืองในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนที่เปียมไปด้วยสีสัน น่าเสียดายที่เมืองเหล่านี้อีกเช่นกัน จะกลายเป็นแนวหน้าของสมรภูมิความขัดแย้ง สิ่งที่เกิดกับ Mosul, Taiz และ Homs จะเกิดขึ้นซ้ำและอาจทวีความรุนแรงในอนาคต

สิ่งที่เรียกว่า เขตแดน จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

เขตแดนทางกายภาพจะมีความสำคัญน้อยลง เนื่องจากผู้คนจะได้รับการตรวจสอบและติดตามโดยใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง

โลกของเราจะมีความเท่าเทียมมากขึ้นหรือน้อยลง?

น่าเศร้าที่ต้องตอบว่า ‘น้อยลง’ ประชากรในบ้างพื้นที่ จะมีสุขภาพ การศึกษา และความมั่งคั่งที่มากกว่าในปัจจุบัน ในขณะที่ส่วนอื่นๆ จะยังตกอยู่ใต้ความความขัดแย้งและภาวะด้อยการพัฒนา

อะไรจะเป็นคำทำนายที่ดีที่สุดที่คุณจะมอบให้โลกในอีก 50 ปี?

ผมอยากทำนายว่าคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศจะปิดตัวลงเพราะโลกจะไม่มีสงครามและไม่ต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอีกต่อไป อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี พิสูจน์แล้วว่าโลกที่ปราศจากสงครามอาจไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีในวันต่อไป จะทวีความสำคัญมากขึ้นในยามสงคราม ยกตัวอย่างเช่น การโจมตีทางไซเบอร์, นาโนเทคโนโลยี, หุ่นยนต์, อาวุธเลเซอร์ หรือ AI

แปลจากบทความต้นฉบับ We asked some of the boldest thinkers what the world will be like in 50 years. Here’s what their answers tell us about the future.