“ย้อนกลับไปในปี 1992  ผมบังเอิญได้พบคนผู้หนึ่งซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง  และรวมถึงชีวิตอีกหลายชีวิตด้วย” คุณไคโรกล่าว  ขณะที่นึกย้อนถึงจุดเริ่มต้นของการหันมาช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพในอัฟกานิสถานของเขา  “มาห์มูด ผู้ชายที่มีแขนเพียงข้างเดียว และไม่มีขาเลยสักข้าง  เขานั่งอยู่บนรถเข็นอยู่กลางท้องถนน พร้อมด้วยลูกของเขาที่มีอาการตื่นกลัว  ทั้งคู่กำลังพยายามที่จะหนีออกมาจากจุดใกล้เคียงของเหตุระเบิด”

“ผมไม่สามารถที่จะฝืนทน ไม่เชื้อเชิญให้ชายคนนี้ไปที่ศูนย์ของเราที่กรุงคาบูลได้  แม้ว่า ณ เวลานั้นจะเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกับการสู้รบอยู่ก็ตาม   หลังจากประสบผลสำเร็จในการรักษา มาห์มูดก็สามารถที่จะยืนด้วยขาของตัวเองอีกครั้ง  แม้ว่าจะยังคงมีท่าทางตื่นกลัวอยู่ก็ตาม  บางครั้ง มันอาจจะต้องมีอะไรมากกว่าการมีแขนขา  เขาต้องมีงานทำ   มาห์มูดเรียกตัวเองว่า “เศษชิ้นส่วนมนุษย์” และต้องการที่จะเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา   ท่ามกลางความไม่แน่ใจ แต่ผมก็เสนอให้เขาได้ทดลองทำงานประกอบชิ้นส่วนอวัยวะเทียมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์   กลับกลายเป็นว่า เขาเป็นคนที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุดในสายการผลิต ซึ่งนั่นเพราะเขาทำงานด้วยหัวใจมุ่งมั่น  มาห์มูดอยากที่จะพิสูจน์ตัวเอง และเขาก็ได้ศักดิ์ศรีของเขากลับคืนมา”

มาห์มูดได้กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ของความเปลี่ยนแปลงที่ศูนย์ฟื้นฟูฯ และการพึ่งพาตัวเองทางการเงินได้นำมาสู่ผู้ทุพพลภาพ  ศูนย์ฟื้นฟูฯได้กลับมาเปิดขึ้นอีกครั้ง และ ICRC ได้ปรับใช้นโยบาย “การเลือกปฎิบัติเชิงบวก” ในศูนย์อวัยวะเทียมต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน ซึ่ง ICRC ได้จ้างเฉพาะผู้ทุพพลภาพที่ได้รับการรักษาจากศูนย์ฟื้นฟูฯ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงการกลับคืนสู่สังคมอย่างเต็มรูปแบบหลังจากการฟื้นฟูทางกายภาพแล้วนั้นเป็นไปได้  ในแต่ละปีจะมีผู้คนกว่าแปดหมื่นคนที่ได้รับการรักษาจากศูนย์ฟื้นฟูฯ

“ในวันนี้ นักกายภาพของเราได้เป็นฝ่ายเข้าหาผู้คนที่ต้องการได้รับการรักษา แต่ไม่สามารถที่จะเดินทางมาที่ศูนย์ฟื้นฟูฯได้” คุณไคโรกล่าว  “ยังมีผู้คนแบบมาห์มูดอีกเป็นจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการเชิงบวก พวกเขาเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของพลังความแข็งแกร่งสำหรับเหล่าคนไข้ใหม่ ๆ  และพวกเขาก็ยังแสดงให้เห็นการอุทิศตนอย่างแรงกล้าอีกด้วย  ด้วยความพยายามของพวกเขาเหล่านี้เอง ที่ทำให้ไม่มีใครที่จะเป็น “เศษชิ้นส่วนมนุษย์” อีกต่อไป  ผมหวังจริง ๆ ว่านโยบายในลักษณะเดียวกันนี้จะได้นำไปปรับใช้ในประเทศอื่ น ๆ ด้วย”

เหรียญรางวัลนี้ได้มีการมอบโดยคณะกรรมมาธิการของกลุ่มองค์กรกาชาดฯ ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนขององค์กรกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียซึ่งมีตัวแทนจาก สภากาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงจาก 189 ประเทศ สหพันธ์กาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ และ ICRC เข้าร่วมหารือประเด็นเร่งด่วนทางมนุษยธรรมและ ความท้าทายต่าง ๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว  รวมถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย

เหรียญรางวัลอังรี ดูนังต์ นั้นจัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี 1963 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งกลุ่มองค์การกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ